ปัจจุบันมีข้อมูลงานวิจัยที่ช่วยสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อรักษาโรค หรือจัดการอาการ ทำให้หลายประเทศเรื่มมีการปลดล็อกกัญชาเพื่อให้สามารถนำมาใช้ในการแพทย์และในงานวิจัยประเทศไทยได้มีการผ่านกฏหมายให้กัญชาเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ที่อนุญาตให้นำมาใช้ในการแพทย์และงานวิจัยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่สนันานุนการใช้ในทางการแพทย์ก็มีเพียงไม่กี่โรค/อาการ ยังคงต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างมาก โรคมะเร็งและผู็ป่วยระยะแบบประคับประคองน่าจะเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีการใช้กัญชามากที่สุด
หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ช่วยบ่งชี้ว่าการใช้กัญชาทางการแพทย์ในภาวะเหล่านี้
ได้ผลได้แก่
ยังไม่มีหลักฐานที่สนับสนุนว่ากัญชาสามารถรักษามะเร็งได้ ดังนั้นเป้าหมายการใช้กัญชาทางการแพทย์ ไม่มีจุดมุ่งหมายในการรักษาหรือควบคุมโรคมะเร็งยังต้องรอการศึกษาอีกมาก ดังนั้นไม่ควรละทิ้งการรักษามะเร็ง ตามมาตรฐานทางการแพทย์ที่ทําอยู่ในภาวะปัจจุบัน
กัญชามีบทบาทในการช่วยจัดการอาการต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยระยะประคับประคอง แม้ประสิทธิภาพของกัญชาจะมีฤทธิ์อ่อนไม่มากเท่ายามาตรฐานที่ใช้ในการจัดการอาการ แต่กัญชาอาจออกฤทธิ์ ที่ช่วยจัดการอาการหลายอย่างที่พบร่วมกันในผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยระยะประคับประคอง เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน วิตกกังวล นอนไม่หลับ รวมถึงอาการปวด กัญชามักนํามาใช้เสริมกับยามาตรฐานกรณีที่การจัดการ อาการต่างๆ เหล่านี้ยังไม่สามารถควบคุมได้ดี การใช้กัญชาอาจช่วยให้สามารถลดยาระงับปวดกลุ่มมอร์ฟีนได้บ้าง โดยมีงานวิจัยที่ช่วยสนับสนุน แม้หลักฐานเชิงประจักษ์ยังไม่แน่นหนา
การตั้งเป้าหมายการนํากัญชามาใช้โดยหวังผลการรักษาที่ไม่มีข้อพิสูจน์ เช่น การหวังผลการรักษามะเร็ง เป็นต้น ทําให้เสี่ยงกับผลข้างเคียงจากการรักษาที่ไม่จํา
มีการศึกษาที่ช่วยสนับสนุนการใช้กัญชาในการจัดการอาการเหล่านี้
โดยรวมกัญชาอาจช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะประคับประคอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากกัญชามีฤทธิ์ระดับอ่อนในการจัดการอาการต่างๆ จึงควรใช้เมื่อการรักษาด้วยยามาตรฐาน ไม่ได้ผล หรือใช้ร่วมกับยามาตรฐาน และต้องอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์
THC ซึ่งเป็นส่วนประกอบของกัญชามีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่เฉียบพลันได้
โดยอาจทําให้เกิดอาการ เคลิ้ม ประสาทหลอน การใช้ครั้งแรกควรเริ่มด้วยขนาดน้อย ใช้ก่อนนอน และควรมีผู้ดูแล
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ง่วงซึม ปากแห้ง มึนงง อ่อนล้า เสียการควบคุมของกล้ามเนื้อ เสียสมาธิ อยากอาหาร
ผลข้างเคียงที่พบน้อย ได้แก่ อาการเคลิ้ม ความดันตกเวลาเปลี่ยนท่าทาง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว สับสน ท้องเสีย
ผลข้างเคียงที่พบน้อยมาก ได้แก่ ประสาทหลอน หลงผิด ตื่นตระหนก จิตหลอน
ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติทางจิต ควรหลีกเลี่ยงการใช้ เพราะอาจทําให้เกิด ความเสี่ยงของโรคจิต ผู้มีโรคหัวใจ อาจมีความเสี่ยงเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้มีภาวะตับ ไตวาย ควรหลีกเลี่ยงการใช้
ดาวน์โหลดไฟล์
ดาวน์โหลดไฟล์